วินิจฉัย พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาฯ ม. 34 ขัดรธน

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ 2530 มาตรา 34  ที่กำหนดให้การร้องขอรับเงินค่าทดแทนที่วางไว้ต้องร้องขอภายใน 10 ปีนับแต่วันที่มีการวางเงิน ถ้าไม่ร้องขอภายในกำหนดเวลาให้เงินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 วรรคหนึ่ง


ทั้งนี้มติดังกล่าวสืบเนื่องจากศาลปกครองกลางได้ส่งคำโต้แย้งของนายจิระศักดิ์ ชัยสันติกุลวัฒน์ นางศิริพันธุ์ พงศ์เลิศนภากร และนายชนันตพล ชัยสันติกุลวัฒน์  ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 เนื่องทั้งบุคคลทั้ง 3 ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายวิบูลย์ ชัยสันติกุลวัฒน์ ยื่นฟ้องการประปานครหลวง และผู้ว่าการประปานครหลวง ต่อศาลปกครองกลางว่าขอให้จ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนให้แก่บุคคลทั้ง 3 เนื่องจากผู้ว่าการประปานครหลวง แจ้งว่า บุคคลทั้ง 3 ยื่นคำขอรับเงินค่าทดแทนที่การประปานครหลวง นำไปฝากไว้กับธนาคารออมสินเกินกว่า 10 ปีนับแต่วันที่มีการวางเงิน เป็นผลให้เงินค่าทดแทนตกเป็นของแผ่นดินตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ 2530 มาตรา 34   ทำให้ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครองกลางบุคคลทั้ง 3 โต้แย้งขอให้ศาลปกครองกลางส่งคำโต้แย้งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

นอกจากนี้ในกรณีที่ศาลปกครองพิษณุโลกส่งคำโต้แย้งของน.ส.น้ำฝน เกตุตรา อดีตสมาชิกสภาเทศบาลตำบลปลัดแรด ยื่นฟ้องผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ที่ออกประกาศจังหวัดพิษณุโลกให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาเทศบาลปลัดแรด ของน.ส.น้ำฝนสิ้นสุดลงเนื่องจากศาลแขวงพิษณุโลกมีคำพิพากษาจำคุกน.ส.น้ำฝนเป็นเวลา 24 เดือน และมีหมายจำคุกให้คุมขังเป็นเวลา 4 วัน ทำให้น.ส.น้ำฝนเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2545 มาตรา 45 (4) ศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.เทศบาล 2496 มาตรา 15 วรรคสอง และมาตรา 19 วรรคหนึ่ง 1 ( 4) และ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2545 มาตรา 45 (4) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 25 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง มาตรา 27 วรรคหนึ่งและวรรคสาม และมาตรา 101(13).