วันนี้ (18 กุมภาพันธ์) เวลา 17.50 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลต่อเป็นวันที่ 3 โดย นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวหาว่าเป็นอุปสรรคและภาระของประชาธิปไตยและการศึกษาไทย ว่าการทำงานของนายณัฏฐพลทำให้กลุ่มนักเรียนเลวและกลุ่มนักเรียนจากจังหวัดต่างๆ ออกมาขับไล่ เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ที่ออกมาเรียกร้องให้ 1.หยุดคุกคามนักเรียน 2.ยกเลิกกฎระเบียบที่ล้าหลัง และ 3.ปฏิรูปการศึกษา จนถึงปัจจุบันยังไม่มีข้อไหนเลยที่มีความคืบหน้า
ทั้งนี้ นักเรียนหลายคนถูกตั้งข้อหาตามมาตรา 112 คุณครูเปิดเผยข้อมูลนักเรียนต่อเจ้าหน้าที่รัฐ บางคนถูกพักการเรียนและถูกไล่ออก นอกจากนี้ยังมีการข่มขู่ว่าหากเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองจะไม่ให้จบการศึกษา หลายโรงเรียนมีการละเมิดสิทธิเสรีภาพ และมีการล่วงละเมิดทางเพศ คำสั่งของกระทรวงก็ไม่มีผลต่อการบังคับใช้ในโรงเรียน ทั้งเรื่องทรงผมนักเรียน การแต่งกาย และการใช้อำนาจนิยมของคุณครู
“โดย รมว.ศธ.ก็เห็นด้วยกับการใช้อำนาจเหล่านี้ ดังนั้น นายณัฏฐพลจึงเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยและการพัฒนาการศึกษา เพราะท่านออกมาเป่านกหวีด และทำลายประชาธิปไตยจนได้เป็นรัฐมนตรี” นายปดิพัทธ์กล่าว
นายปดิพัทธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ นายณัฏฐพลยังปล่อยให้มีการตัดงบประมาณกองทุนความเสมอภาคทางการศึกษา จำนวน 1000 ล้านบาท ทำให้นักเรียนกว่า 300,000 คน เข้าไม่ถึงกองทุนนี้ ซึ่งมีความจำเป็นมากสำหรับนักเรียนยากจนที่พ่อแม่ต้องเผชิญภาวะตกงานในช่วงโควิด-19 แต่พอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ขอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณ 191 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมและนักเรียนนักศึกษา นายณัฏฐพลที่นั่งประชุมอยู่กับ ครม.กลับไม่คัดค้าน
นายปดิพัทธ์กล่าวว่า กรณีที่เพิ่มค่าอาหารกลางวันหนึ่งบาทนั้น ตนจึงอยากตั้งฉายาให้รัฐมนตรีบาทเดียวซื้อไข่เจียวยังไม่ได้สักฟอง นอกจากนี้ ยังทำงานเหมือนรับใช้ทหาร ทำตามคำสั่ง ศบค. สั่งปิดโรงเรียนแบบตามมีตามเกิด ไม่สนว่าโรงเรียน ผู้ปกครอง หรือนักเรียนจะเป็นอย่างไร และไม่สามารถจัดการความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้ ผ่านมา 2 ปี นายณัฏฐพลยังไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้กับระบบการศึกษา นอกจากขึ้นค่าอาหารกลางวันเพิ่ม 1 บาท สงสัยว่าเอาเวลาไปทำอะไรมากมาย
นายปดิพัทธ์กล่าวว่า ทั้งนี้ ยังมีกรณีการแต่งตั้งเลขาธิการคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) คนใหม่ ที่เป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับตำแหน่ง มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนแหกทุกข้อจำกัด ตลอดการทำหน้าที่ นายณัฏฐพลได้เข้าแทรกแซงระบบของกระทรวง ตั้งแต่ระดับบนยันระดับล่าง แต่งตั้งพวกพ้องของตัวเองเข้าสู่ตำแหน่ง ทำลายระบบยุติธรรมทางการศึกษา และยึดอำนาจในกระทรวงมาเป็นของตัวเอง ถือเป็น รมว.ศธ.ที่น่าอายที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย สู้เพื่อผลประโยชน์ให้พวกพ้องอย่างหน้าไม่อาย ตนจึงไม่สามารถไว้วางใจนายณัฏฐพลได้