เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
พิษณุโลก – ตำรวจภาค 6 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขยายผลตามรวบเครือข่าย “แก๊งค้ายาหนูเฉิน” ขนไอซ์ 1.5 ตัน ผ่านตากปี 62 พร้อมยึดอายัดทรัพย์เกลี้ยงทั้งทองแท่ง-เงินสด-รถหรู รวมมูลค่าอีกกว่า 50 ล้านบาท
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ภ.6 พร้อมเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแถลงข่าวการขยายผลจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด รวมทั้งได้ติดตามยึดทรัพย์ดำเนินคดีฐานฟอกเงิน เป็นทองคำมูลค่ากว่า 33 ล้าน เงินสด 23 ล้าน และทรัพย์สินอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก เมื่อเย็นวานที่ผ่านมา(20 ต.ค.64) ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก
การขยายผลยึดทรัพย์ขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ มีขึ้นหลังเจ้าหน้าที่การจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายของนายฐปนันท์ หรือหนูเฉิน ธรรมรัตน์ธาดา พร้อมของการเป็นยาไอซ์ 1.5 ตัน ซื่งเป็นขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่ เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2562
ซึ่งจากการสืบสวนขยายผลขบวนการดังกล่าว ทำให้สามารถยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดได้อีกกว่า 100 ล้านบาท และได้ออกหมายจับผู้มีส่วนร่วมในขบวนการค้ายาเสพติดและฟอกเงินได้อีกหลายราย
ต่อมาวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ชุดสืบสวนได้ร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 6 และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พบเบาะแสว่า นายสมัดร์ชา อาร์กาเฮน อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดแม่สอด ที่ 130/2564 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2564 กระทำความผิดฐาน ฟอกเงิน (จากการขยายผลคดียาไอซ์ 1.5 ตัน เครือข่ายนายฐปนันท์ หรือหนูเฉิน ธรรมรัตน์ธาดา) หลบซ่อนอยู่ที่บ้านเลขที่ 494 ซ.สิริสุนทร แขวง/เขตสวนหลวง กทม.
เจ้าหน้าที่จึงได้ขอหมายค้นศาลอาญาพระโขนง ที่ ค.157/2564 เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว และพบตัวนายสมัดร์ชา อาร์กาเฮน อยู่ในบ้านและรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง แต่ขอให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดทรัพย์สินของนายสมัดร์ชา ที่อยู่ในบ้านพัก เป็นทองคำแท่ง (แท่งละ 1 กก.) จำนวน 18 แท่ง รวมน้ำหนัก 18 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 33 ล้านบาท(ผู้ต้องหาพาไปตรวจยึดจาก บริษัทรับซื้อ-ขายทองแห่งหนึ่ง ย่านแขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม.) / เงินสดธนบัตรไทยทั้งสิ้นประมาณ 23 ล้านบาท / รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีขาว ทะเบียน 9กล-494 กทม. 1 คัน /รถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีขาว ทะเบียน 4กล-494 กทม.
จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมทรัพย์สิน ที่ตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะขยายผลผู้ร่วมเครือข่ายต่อไป