ถอดรหัส “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค”
หัวหน้าพรรค”รวมไทยสร้างชาติ”
หน่อเนื้อเชื้อไขพิษณุโลก
ภายหลังที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลาออกจากเก้าอี้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา และต่อมานั่งเก้าอี้ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์จันทร์โอชา ในบัดดล ส่งผลให้อุณหภูมิการเมืองภายในพรรคประชาธิปัตย์ร้อนระอุยิ่ง
ในฐานะที่เป็นกฎหมายที่มีชื่อเสียง และนักการเมืองคุณภาพคนหนึ่ง จึงได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งสำคัญ ภายหลังรับตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ได้รับมอบให้เป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบอร์ดบริษัทการบินไทย จำกัด เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงปัญหาการบินไทย เนื่องจากชื่อชั้นนายพีระพันธุ์ เป็นที่ยอมรับนับถือค่อนข้างสูง ล่าสุดได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ
การก้าวขยับขึ้นเก้าอี้หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำให้นักการเมืองในค่ายพรรคประชาธิปัตย์ ไหลมาที่พรรครวมไทยสร้างชาติจำนวนไม่น้อย และคาดว่าจะยังคงมีย้ายตามอีก จนกว่าจะครบวาระในเดือนมีนาคม 2566
“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” เคยนั่งเก้าอี้ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ 6 สมัย ตั้งแต่ปี 2539, 2544, 2548 ,2550 ,2554 ,2562 เคยดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองมาตามลำดับ โดยในปี 2539 กับการได้รับเลือกตั้ง ส.ส.สมัยแรก ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
อดีต ส.ส.6 สมัย “นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” นับว่าเป็นมือกฎหมายคนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทุ่มเททำงานการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง มีความรู้และประสบการณ์ทางด้านกฎหมายที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง จบปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิตไทย สำนักศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ปริญญาโท กฎหมายระบบคอมมอนลอว์ ( Common law) ทั่วไป และปริญญาโท (กฎหมายเปรียบเทียบ) มหาวิทยาลัยทูเลน ประเทศสหรัฐอเมริกา
นายพีระพันธุ์ เคยรับราชการตำแหน่งผู้พิพากษาศาลจังหวัดตาก ผู้พิพากษาศาลจังหวัดธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ผู้พิพากษาประจำกระทรวงช่วยทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการกองวิชาการ กระทรวงยุติธรรม ผู้พิพากษาประจำกระทรวงยุติธรรม ตำแหน่งผู้พิพากษาศาลแพ่ง
มีบทบาทในการเสนอร่างกฎหมายสำคัญหลายฉบับที่ก่อเกิดประโยชน์กับประชาชน เช่น ทลายกำแพงบัตรเครดิต เพื่อไม่ให้ธนาคารขูดรีด โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยและค่าปรับที่ผู้ออกบัตรเรียกเก็บจากผู้ถือบัตรเครดิต ราคาไม่เกินอัตรา 1.5 % ต่อเดือน หรือ 18 %ต่อปี
ในการคุ้มครองผู้บริโภค บังคับบริษัทจ่ายดอกเบี้ยเงินประกันมือถือ พ.ร.บ.ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 คือ ข้อตกลง ที่มีลักษณะมีผลให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติหรือรับภาระเกินกว่าที่วิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติ หมายถึงลูกหนี้ถูกเอารัดเอาเปรียบ และการออกกฎหมายป้องกันฮั้วประมูล คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ. ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้วประมูล) เป็นต้น
ในช่วงปี 2544 -2548 ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร มีผลงานชิ้น “โบว์แดง” คือ สอบสวนการทุจริตค่าโง่ทางด่วน 6,200 ล้านบาท ซึ่งถูกนำไปใช้ในการต่อสู้คดีในชั้นศาลและประสบภัยชนะทำให้คนไทยไม่ต้องจ่ายค่าโง่ทางด่วนพร้อมดอกเบี้ยนับ 10,000 ล้านบาท
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เคยมองอนาคตนักการเมืองไทย ระบุไว้ในวารสารฉบับพิเศษ เมื่อปี 2541ว่า “สิ่งที่นักการเมืองต้องปฏิบัติ ต้องมีความจริงใจกับประชาชนให้มากและดูแลเอาใจใส่การแก้ปัญหาทุกระดับ ผู้แทนต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกลมีความกระตือรือร้นเร่งรัดที่จะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเป็นที่ยอมรับของสังคม ประชาชนยังขาดที่พึ่งหลายด้าน มีความเดือดร้อน ควรหาความรู้มาพัฒนาประเทศ”
“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” บุตรพล.ท.ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอดีตเจ้ากรมพลังงานทหาร ผู้ก่อตั้งปั๊มน้ำมันสามทหาร มารดา คุณหญิงโสภาพรรณ สาลีรัฐวิภาค อดีตดาวจุฬาฯคนแรก คุณปู่ คือ พระยาสาลีรัฐวิภาค คุณย่า คือ คุณหญิงขนิษฐา สาลีรัฐวิภาค เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขชาวอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
คุณตา คือ พระมนูเวทย์วิมลนาท อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสหราชอาณาจักร และอดีตประธานศาลฎีกา คุณยาย คือ คุณหญิงแฉล้ม สุมาวงศ์
คู่สมรสนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค คือ นางสุนงค์ (โทณวณิก) สาลีรัฐวิภาค บุตรีท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย เจ้าของธุรกิจเครือโรงแรมดุสิตธานี มีบุตร-ธิดา 4 คน
การศึกษา ฐานะ ความเป็นอยู่ของ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ไม่ใช่อุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนราษฎร เขาได้สลัดคราบไคลความมั่งคั่งลงมาคลุกคลีเดินดินในฐานะ ส.ส.เขตดินแดง และ ส.ส.เขตทวีวัฒนา ลาดพร้าว ดินแดง
นายพีระพันธุ์ เคยกล่าวไว้“ผู้แทนต้องกลับมามองประชาชน ไม่ใช่การที่เข้ามาเล่นการเมือง เพื่อใช้เป็นเส้นทางหาประโยชน์ส่วนตัว หรือ หวังผลตอบแทน เพื่อตั้งตัวและสร้างฐานะส่วนตัว ไม่ใช่จะมาแสวงหาลาภยศสรรเสริญ เกียรติยศชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูล เพราะฉะนั้นนักการเมืองในอนาคต ต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและสังคม ประการสำคัญต้องมีความสำนึกกว่านักการเมืองบางคนในปัจจุบัน”
การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการประทรวงกลาโหม ตัดสินใจมาสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และนั่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกสมัย พร้อมทั้งมีนักการเมืองที่ใกล้ชิดจำนวนหนึ่งติดตามมา พรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีนัยยะสำคัญอย่างยิ่ง สายตาทุกคู่จับตามองอย่างระทึก
กร บ้านกร่าง /รายงาน