ทนายปากน้ำโพ แจงปมถูกพาดพิงอยู่เบื้องหลัง “ทนายไก่หมุน” ยันถูกแอบอ้าง เผยทนายปลอมตัวแสบว่าความคล่องแคล่ว เพราะเคยสอบผ่านภาคทฤษฎี ก่อนฝึกปฏิบัติทนาย 6 เดือน
ความคืบหน้าคดีที่ นายพรเทพ คะเชนทร์ภักดิ์ หรือ “ทนายไก่หมุน” หรือ “พ่อค้าไก่หมุน” ปลอมเป็น “ทนายความ” ซ้ำยังเคยชนะคดีอัยการ และถูกจับกุมตัวได้ที่ จ.กำแพงเพชร ซึ่งจากการสอบสวนขยายผล มีการพาดพิงถึงทนายความคนหนึ่ง ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ว่า มีความสนิทสนมกับพ่อค้าไก่หมุน เคยร่วมงานช่วยว่าความหลายคดี จนถึงขนาดมีการกล่าวหาว่า เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังของพ่อค้าไก่หมุนรายนี้ (อ่านข่าว)
ล่าสุดวันนี้ (5 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบทนายความคนดังกล่าวที่ถูกพาดพิง ทราบชื่อคือ นายวัชรพล ยานะเครือ ทนายความอยู่ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เฟซบุ๊กของทนายรายนี้ ได้มีการโพสต์ภาพ และข้อความชี้แจงข้อความที่เกิดขึ้น ระบุว่า
“#จากกรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับ รวบพ่อค้าไก่หมุนปลอมเป็นทนายขึ้นศาล แล้วปรากฎภาพถ่ายและชื่อ ของผมในข่าวนั้นด้วย ผมขอชี้แจงว่า ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่มีส่วนรู้เห็น ไม่มีส่วนได้เสีย กับการกระทำของทนายปลอมคนดังกล่าว ซึ่งผมได้พูดคุยกับแอดมินเพจ และผู้เสียหายในเรื่องดังกล่าวแล้ว ปรากฎว่าเป็นการนำชื่อ นามสกุล และภาพถ่ายของผมไปใช้อ้างอิง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผม ดังนั้น ผมจึงขอชี้แจงว่า ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยประการใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งผมเองก็ตกอยู่ในฐานะผู้เสียหายคนหนึ่งเช่นกัน #ผมทนายวัชรพล ยานะเครือ ผู้ที่ได้สอบผ่านหลักสูตรวิชาว่าความของสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ”
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ พูดคุยกับ นายวัชรพล ที่สำนักงานทนาย ใน ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยนายวัชรพล ระบุว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อตนเป็นอย่างมาก และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมยอมรับว่า รู้จักกับพ่อค้าไก่หมุนจริง แต่ไม่สนิทสนม โดยรู้จักกันตั้งแต่ปี 53 ซึ่งตอนนั้น พ่อค้าไก่หมุน ได้ไปฝึกงาน ในภาคปฏิบัติงานตั๋วทนาย ที่สำนักทนายความของอาจารย์ตน และพอฝึกจบก็แยกย้ายกันไป
จนกระทั่งเมื่อกลางปี 64 พ่อค้าไก่หมุน ได้ติดต่อมาหาให้ช่วยว่าความให้ ในคดีหมิ่นประมาท ที่ศาลจังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นจึงรู้จักกันเรื่อยมา โดยที่ผ่านมาตนรับงานทำคดีแค่ 3 คดี คือ 1 คดีที่นครสวรรค์จบไปแล้ว และเหลืออีก 2 คดีที่ จ.พิษณุโลก และที่ จ.กำแพงเพชร กำลังอยู่ในชั้นอุทธรณ์
“ตอนที่เขามาฝึกงานที่สำนักงานทนายความของอาจารย์ผม ผมรู้ว่าเขาเพิ่งสอบทนายในภาคทฤษฎีผ่าน จากนั้น ก็มาฝึกงานอยู่ในภาคปฏิบัติประมาณ 6 เดือน ก็แยกย้ายกันไปนานหลายปีไม่เคยติดต่อกัน จู่ ๆ เขาก็ติดต่อกลับมาขอให้ช่วยว่าความให้ ซึ่งก่อนจะรับงาน ผมก็เคยขอดูใบอนุญาตทนายความของเขาด้วยนะ เขาก็เอามาโชว์ให้ดู ผมก็เลยให้เกียรติเขา จึงไม่ขอตรวจสอบต่อ และที่ผ่านมา เท่าที่ผมรู้จักกับเขา เขาก็ดูคล่องแคล่ว เหมือนกับทนายความทุกอย่าง จึงทำให้ผมไม่สงสัยในตัวเขาต่อ”
เมื่อถามถึงรูปถ่ายคู่กัน นายวัชรพล กล่าวว่า รูปนั้น จำไม่ได้ว่าเกิดช่วงปีไหน แต่วันนั้นเป็นวันที่จะเดินทางไปว่าความที่ จ.พิษณุโลก ส่วนพ่อค้าไก่หมุนก็โทรศัพท์ติดต่อมา บอกว่าจะเดินทางไปพิษณุโลกเช่นกัน และด้วยความหวังดี นึกสงสารเขาที่มีแต่รถจักรยานยนต์ขับขี่ จึงอาสาขับรถไปรับที่ จ.กำแพงเพชร โดยให้เขาขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดที่ปั๊มน้ำมัน ก่อนจะเดินทางไปพิษณุโลกด้วยกัน และในระหว่างทางเขาได้ขอถ่ายรูปคู่ด้วย ตนก็ไม่ได้คิดอะไร แล้วสักพักเขาก็เอาไปโพสต์เฟซบุ๊ก และก็แท็กมาที่เฟซบุ๊กของตน ซึ่งก็ไม่คาดคิดเลยว่า รูปภาพดังกล่าว เขาจะเอาไปแอบอ้าง จนทำให้เกิดความเสียหาย
ส่วนกรณีที่มีผู้เสียหายในพื้นที่ จ.ชลบุรี 1 ราย ถูกพ่อค้าไก่หมุนหลอกลวง และมีการพาดพิงมาถึงตนว่า รับงานแล้วก็ทิ้งงานไปเลยนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเรื่องนี้ได้มีการไปพูดคุยชี้แจงกับกลุ่มทนายความ และผู้เสียหายรายนี้แล้วว่า ตนโดนแอบเอาชื่อสกุล และรูปภาพ ไปแอบอ้าง โดยที่ไม่เคยรู้เรื่องใด ๆ เลย ซึ่งเรื่องนี้มีหลักฐาน เป็นคลิปที่ตนบันทึกไว้ระหว่างโทรศัพท์ไปพูดคุยกับพ่อค้าไก่หมุน และเจ้าตัวก็ยอมรับสารภาพว่า เอาตนไปแอบอ้างจริง ๆ จนทางผู้เสียหายเข้าใจแล้ว และก็ได้มีการไปลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานไว้แล้วด้วยเช่นกัน
ข่าว : วสุกิจจ์ เหล่าอินทร์ นครสวรรค์