การเมือง
ปลัด มท.นำคณะผู้บริหารตรวจความพร้อม พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเมืองสองแคว
วันพุธ ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2566, 14.37 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
ปลัด มท. นำคณะผู้บริหารตรวจความพร้อมพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเมืองพิษณุโลก ย้ำเส้นทางท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ต้องมีความยั่งยืน เกิดประโยชน์หลายมิติ เพื่อประโยชน์ของประชาชนและการเสริมสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่
เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายบุญธรรม หอไพบูลย์สกุล รองอธิบดีกรมที่ดิน และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมการเสนอโครงการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวด้วยจักรยานเลียบริมแม่น้ำน่าน บริเวณเส้นทางเชื่อมระหว่างวัดโพธิญาณ – ชุมชนวัดน้อย ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก โดยมี นายภูษิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก หัวหน้าสำนักงานจังหวัดพิษณุโลก หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ คณะผู้บริหารจากเทศบาลนครพิษณุโลก เเละเทศบาลตำบลหัวรอ ผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำในพื้นที่ นายขวัญทอง สอนศิริ (อาจารย์โจ้) และประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย ร่วมให้การต้อนรับ และนำตรวจเยี่ยม
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า วันนี้ ทางคณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยที่มาลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก มีหลายเรื่องหลายประเด็นมาร่วมหารือกันเพื่อขับเคลื่อนและสานต่อภารกิจบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ของพวกเราชาวมหาดไทยให้เกิดความยั่งยืน อันเป็นการสนองพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะราชสีห์ผู้มีความจงรักภักดีที่เป็นข้าราชการที่ดีที่มุ่งมั่นทำให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้กลไกการทำงาน 357 คือ 3 ระดับ : การจัดการในระดับพื้นที่/ชุมชน จังหวัด สู่ระดับประเทศ 5 กลไก : ประสานงานภาคีเครือข่าย บูรณาการแผน ติดตามประเมินผล การจัดการความรู้ และสื่อสารสังคม 7 ภาคีเครือข่าย : ภาคราชการ ภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และภาคสื่อสารมวลชน ที่จะจับมือร่วมกันหาเเนวทางเเก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดพิษณุโลก ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านทั้งท่านผู้บริหารจังหวัดพิษณุโลก ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะอาจารย์โจ้ ผู้เป็นปราชญ์ท้องถิ่น ที่พยายามเชิญชวนให้มาลงพื้นที่ตรวจสภาพความพร้อมในการดำเนินโครงการฯ
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า จากการร่วมลงสำรวจพื้นที่ ทำให้พบสภาพปัญหา คือ ถนนเส้นทางเลียบริมเเม่น้ำน่านถูกแม่น้ำกัดเซาะในช่วงฤดูน้ำหลาก พื้นที่ที่เป็นทางสาธารณะเดิมต้องร่นมาชิดพื้นที่ติดบริเวณหน้าบ้านของพี่น้องประชาชน ถนนที่รถยนต์สามารถสัญจรได้ก็ชำรุด เนื่องจากหน้าดินพังทลายทำให้ถนนบริเวณนี้มีสภาพไม่ต่อเนื่อง มีเส้นทางขาดบางช่วง บางตอน เป็นระยะทางประมาณ 300 เมตร บริเวณตั้งเเต่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร ไปถึงบริเวณวัดตาปะขาวหาย ส่งผลกระทบต่อทั้งคนในชุมชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชมเส้นทางประวัติศาสตร์ในจังหวัดพิษณุโลก นอกจากนี้ ยังพบปัญหาด้านงบประมาณของเทศบาลตำบลหัวรอ เนื่องจากไม่มีงบประมาณในด้านการพัฒนาท่องเที่ยว จึงไม่สามารถดำเนินโครงการฯ ดังกล่าวได้ ซึ่งนับเป็นโอกาสดีที่ในวันนี้ได้เกิดความร่วมมือจาก เทศบาลนครพิษณุโลก เทศบาลตำบลหัวรอ กรมเจ้าท่า กรมศิลปากร เเละกรมโยธาธิการเเละผังเมือง กระทรวงมหาดไทย มาร่วมหารือด้วยกัน โดยแนวทางเเก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ทางกรมโยธาธิการเเละผังเมืองจะรับไปร่วมกับหน่วยงานรับผิดชอบพิจารณาการขยายผิวจราจร ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 215 เมตร เพื่อเเก้ไขปัญหานี้ให้ลุล่วง อันจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนและเศรษฐกิจของจังหวัดพิษณุโลกต่อไป
“กระทรวงมหาดไทยได้ติดตามแนวทางการพัฒนาด้านการพัฒนาเมืองเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวของจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การดำเนินการแก้ไขปัญหาสายสื่อสารรกรุงรังบริเวณหน้าวัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร เป็นต้น ซึ่งตนมีความเข้าอกเข้าใจความรู้สึกของพี่น้องชาวจังหวัดพิษณุโลกที่รับความเดือดร้อนกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งเราจะร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่พยายามเเก้ไขปัญหาและช่วยเหลือยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนให้มีความมั่นคงเเละยั่งยืนในทุกมิติ สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติทั้ง 17 ข้อ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยแนวทางและข้อเสนอที่ได้ร่วมหารือกันในวันนี้ จะได้นำไปพิจารณาเพื่อทำให้พี่น้องชาวพิษณุโลกเเละพี่น้องคนไทยทุกคนมีความสุขได้ เรามีความตั้งใจ ความมุ่งมั่นในการพยายามสานฝันสร้างเส้นทางประวัติศาสตร์เส้นนี้ให้สำเร็จ ให้กลายเป็นเส้นทางท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเมืองพิษณุโลกต่อไป” นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวเน้นย้ำ
นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการเเละผังเมือง เปิดเผยว่า กรมโยธาธิการเเละผังเมือง ได้ศึกษาความเป็นไปได้เเละความคุ้มค่าของการดำเนินโครงการฯ ในเบื้องต้นเเล้ว เเละเพื่อทำให้การดำเนินการดังกล่าวมีทิศทางที่ถูกต้องสอดคล้องกับเเผนพัฒนาจังหวัดพิษณุโลก การขับเคลื่อนโครงการขยายผิวจราจรที่มีขนาดความกว้าง 5 เมตร เเละความยาว 215 เมตร โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองได้บรรจุแผนพัฒนาพื้นที่ บริเวณโดยรอบวัดโพธิญาณในงบพัฒนาเมือง เพื่อพัฒนาพื้นที่โดยรอบในระยะ 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 – 2568 โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ได้ตั้งงบประมาณเพื่อดำเนินการวางท่อระบายน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากรวมทั้งการปรับปรุงภูมิทัศน์ นอกจากเป็นการสร้างเเหล่งท่องเที่ยวใหม่เเล้ว ยังสามารถช่วยป้องกันน้ำท่วมได้อีกด้วย ซึ่งในขณะนี้ ได้มีเตรียมเเบบการจัดจ้าง แผนจัดการน้ำท่วมขัง ตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องหารือในรายละเอียดร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่รับผิดชอบในพื้นที่เเต่ละเขตของตนเองอีกครั้งหนึ่ง ทั้งเรื่องการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานการเดินท่อรับน้ำท่วมขัง การติดตั้งและดูเเลเครื่องสูบน้ำ เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ นี้ มีประสิทธิภาพเเละเกิดประสิทธิผลสูงสุดต่อพี่น้องประชาชน
นายภูษิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า จังหวัดพิษณุโลกโดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก ได้พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวด้วยจักรยานเลียบริมแม่น้ำน่าน บริเวณเส้นทางเชื่อมระหว่างวัดโพธิญาณ – ชุมชนวัดน้อย ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก โดยได้จัดทำคำขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ภายใต้แผนพัฒนาจังหวัดพิษณุโลก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยจากการตรวจสอบพื้นที่ดำเนินการ พบว่า เป็นเขตพื้นที่แหล่งโบราณสถาน และเป็นพื้นที่ริมตลิ่ง ซึ่งต้องดำเนินการขออนุญาตจากกรมศิลปากร โดยจังหวัดพิษณุโลกได้ยื่นเรื่องขออนุญาตไปยังกรมศิลปากรเเล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมศิลปากร และเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จึงจะสามารถดำเนินการขอใช้พื้นที่สิ่งล่วงล้ำลำน้ำจากกรมเจ้าท่าต่อไป
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่