ผู้ว่าฯเปิดล่องเรือชม ‘แก่งฮอม’ โชว์ปรุง ‘อ่อมหอยหนาม’ ดันท่องเที่ยวสามพันโบกสองแคว
นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยนางวัชรินทร์ จิตรวิเศษ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพิษณุโลก นายนิสิต สวัสดิเทพ นายอำเภอนครไทย ร่วมประกอบพิธีไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเปิดป่า บริเวณแก่งฮอม ลำน้ำเข็ก พื้นที่หมู่ 12 บ้านเข็กพัฒนา อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
‘แก่งฮอม’ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน มีลักษณะเป็นแก่งหินน้อยใหญ่ ตั้งขวางแม่น้ำเข็กเป็นจำนวนมาก บางพื้นที่มีลักษณะยุบเป็นหลุม ที่คล้ายกับสามพันโบก จ.อุบลราชธานี ซึ่งกลุ่มท่องเที่ยวแก่งฮอม ที่มีชาวบ้านพื้นที่ 3 หมู่บ้าน มารวมตัวกันเป็นไกด์ให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวชม โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกและคณะร่วมกันท่องเที่ยวแก่งฮอม โดยการพายเรือล่องขึ้นไปตามต้นน้ำของลำน้ำเข็ก ภายในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ระยะทาง 7 กิโลเมตร ระหว่างทางนักท่องเที่ยวได้ชมความงามของธรรมชาติและแก่งหินน้อยใหญ่ ที่ถูกน้ำกัดเซาะคล้ายเป็นรูปกรงเล็บของเสือ สวยงามและมีจำนวนมากมาย
โดยชาวบ้านที่ออกหาหน่อไม้ ต่างกล่าวว่าเคยพบสัตว์ป่ามากมาย เช่น ลิงลม หมูป่า หมี ออกมาหาอาหารและน้ำกิน รวมทั้งยังพบ ปลาเขียว ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดตระกูลปลาเนื้ออ่อน แมงกะพรุนน้ำจืด สิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์ของโลก สามารถพบเจอเพียง 1-5 แห่งของโลก ประเทศไทยพบได้ในลำน้ำเข็กเพียงแห่งเดียวนอกจากนี้ ยังมีหอยหนาม นอง และพิง สัตว์น้ำที่จะพบเจอเฉพาะในน้ำที่สะอาดและบริสุทธิ์เท่านั้น ระหว่างทางจุดแรกที่นักท่องเที่ยวจะได้แวะชม คือจุดโค้งประตูเมืองเก่าโบราณ ที่ชาวบ้านหลายคนเชื่อว่าในอดีตสมัยพ่อขุนบางกลางท่าว หรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ใช้เป็นแหล่งรวบรวมไพร่พล และสอดแนมฝ่ายข้าศึกศัตรูก่อนยกไปตีกองทัพขอม เนื่องจากมีภูมิประเทศที่สูง โดยบริเวณนี้นักท่องเที่ยวจะได้ชมต้นตะเคียนขนาดใหญ่กว่า 4 คนโอบ ต้นตะแบกที่กำลังพลัดใบเป็นแดง และต้นแดงกำลังพลัดใบเป็นสีเหลืองสวยงาม
จากนั้นนักท่องเที่ยวจะล่องเรืออีกประมาณ 5 กิโลเมตร จะถึงแก่ง ‘ปากโครงช้าง’ ลักษณะเป็นลานหินกว้าง ในอดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของโขลงช้างขนาดใหญ่ ชาวบ้านเรียกพื้นที่ตรงนี้ว่า ‘ปากโขลงช้าง’ แต่กาลเวลาผ่านไป การเรียกขานจึงเพี้ยนไปเป็น ‘โครงช้าง’ ในปัจจุบัน แก่งโครงช้างนี้มีน้ำแร่ธรรมชาติ ซึ่งไหลผ่านชั้นหินดินแล้วดันออกมาเปรียบเสมือนน้ำพุ เป็นสายน้ำไหลมาเป็นคลอง มีน้ำตลอดปีโดยผู้ว่าฯพิษณุโลก พร้อมนายกเหล่ากาชาด ยังร่วมหาหอยหนาม เพื่อนำมาทำเมนู ‘แกงอ่อมหอยหนาม’ เป็นอาหารพื้นถิ่น กรรมวิธีไม่ยุ่งยาก ทำความสะอาดหอย ตัดตูดหอยเพื่อสะดวกในการรับประทานอีกด้วย
นายรณชัยกล่าวว่า ‘แก่งฮอม’ เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนมานานหลายปี แต่ในปีนี้ทางชาวบ้านหมู่ 4 หมู่ 9 และหมู่ 12 รวมตัวกันเป็นกลุ่มส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เนื่องจากวิถีชีวิตพื้นถิ่นของชาวบ้านส่วนใหญ่จะออกไปหาหน่อไม้ หาของป่ามาขายและรับประทาน แต่ถ้าเปิดแหล่งท่องเที่ยวให้ชาวบ้านมีรายได้เสริมก็จะเป็นการช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
การท่องเที่ยวแก่งฮอมนี้ นักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวชมได้ก็ต้องเป็นช่วงฤดูแล้งเท่านั้น เนื่องจากปริมาณน้ำที่น้อย ก็จะเห็นแก่งน้อยใหญ่ ไม่ใช่แค่เพียงแก่งฮอมอย่างเดียวเท่านั้น แต่สามารถชมได้ทั้งแก่งยาว แก่งวังตูม แก่งจิบ แก่งวังไซร รวมแล้วถึง 12 แก่งทีเดียว
น.ส.ตะวัน สร้อยสนตน อายุ 41 ปี ชาวบ้านนำเที่ยวแก่งฮอม กล่าวว่า ในอดีตชาวบ้านที่นี่อพยพออกจากป่าตามนโยบายของรัฐ รัฐจัดที่ทำกิน อยู่อาศัยให้ ทำเกษตรผสมผสาน ปลูกไม้ผล พืชไร่ เก็บหน่อไม้ และพืชผักในป่า ทดแทนการเป็นพรานล่าสัตว์ป่า ตัดไม้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยการท่องเที่ยวแก่งฮอมแห่งนี้มีธรรมชาติที่น่าศึกษา ทั้งระบบนิเวศที่สมบูรณ์ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือ ล่องไปตามต้นน้ำของลำน้ำเข็ก ที่รับน้ำมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ซึ่งบริเวณที่ล่องน้ำไปเที่ยวชมธรรมชาตินั้น น้ำจะมีตลอดทั้งปี แต่ถ้าเมื่อถึงฤดูน้ำหลากน้ำจะท่วมสูง แต่ถ้าฤดูน้ำแล้ง ก็จะเห็นแก่งน้อยใหญ่สวยงาม น.ส.ตะวันกล่าวด้วยว่า หากนักท่องเที่ยวต้องการมาเที่ยวที่แก่งฮอมจะคิดค่าบริการเพียง 500 บาทต่อคนเท่านั้น ซึ่งจะมีอาหารพื้นบ้านให้ 1 มื้อ พาล่องเรือไปเที่ยวชมธรรมชาติ 7 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรือหากต้องการกางเต็นท์นอนค้างคืนสามารถทำได้ จะมีชาวบ้านที่เป็นไกด์นำเที่ยวกว่า 20 คน
สำหรับ แก่งฮอม ตั้งอยู่ริมถนนสายพิษณุโลก-หล่มสัก ประมาณ 72 กิโลเมตร จาก อ.เมืองพิษณุโลก เมื่อขับรถจาก อ.เมืองพิษณุโลก ผ่านแยกบ้านแยง และน้ำตกแก่งโสภา เล็กน้อย จะถึงบ้านเข็กพัฒนา หมู่ 12 ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก จะมีป้ายบอกบริเวณหมู่บ้าน แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปผ่านกลางหมู่บ้านประมาณ 500 เมตร จะถึงสถานที่จอดรถและเดินเล็กน้อยก็ถึงลำน้ำเข็ก