ก่อนอื่นจะพาไปดูลักษณะทางภูมิศาสตร์ของถ้ำพระไทรงาม บ้านดงงูใหญ่ หมู่ 8 ตำบลเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก บริเวณปากถ้ำจะมีเถาไม้เลื้อยปกคลุมหากจะเข้าไปต้องปีนลงจากระยะของปากถ้ำเดินเข้าไปประมาณ 400 เมตร จะไปเจอลักษณะคล้ายคอห่านหรือท้องช้าง ที่เป็นแอ่งกระทะ ความกว้างไม่ถึง 2 เมตร สูงประมาณ 4 เมตร พ้นจากตรงนี้จะผ่านหินงอกหินย้อยความยาวกว่า 100 เมตร ภายในมีห้องโถงขนาดใหญ่ จุดแรกเรียกว่าสะดือถ้ำ มีหินย้อยจากหินปูน ทอดยาวลงมาจากเพดานถ้ำจนถึงพื้น ความยาวร่วม 2 เมตร หรือท่วมศีรษะคน เชื่อกันว่าถ้ำแห่งนี้มีอายุกว่า 300 ล้านปี และน่าจะเคยเป็นทะเลมาก่อนทำให้ภายในถ้ำมีทั้งหินงอก หินย้อยสีขาวและดำ ลำห้วยในถ้ำยังมีปลาสีขาวที่ไม่มีตา ชาวบ้านเรียกว่าปลาตาเดียวพันธุ์หายาก ในอดีตเคยมีนักสำรวจชาวต่างชาติเดินเข้าไปในถ้ำถึง 3 วัน 3 คืน ก็ยังเดินไม่ทะลุปากทางออกอีกฝั่งหนึ่งของถ้ำ จึงยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าถ้ำพระไทรงาม มีความลึกเท่าไรและมีทางออกหรือไม่
ที่ผ่านมามักมีนักท่องเที่ยวที่เข้าไปในถ้ำนำเครื่องมือไปเซาะหินดำหรือที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็น “เหล็กไหล” นำติดมือออกมาด้วย และก็ยังมีพระธุดงค์หรือฤๅษีเข้าไปนั่งถือศีลสมาธิหรือทำพิธีปลุกเสกอยู่หลายวันเนื่องจากภายในถ้ำเย็นตลอดทั้งวันและสงบเงียบ
สำหรับความคืบหน้าการช่วยเหลือ พระอาจารย์มนัส เขมโก ที่เข้าไปปักกลดนั่งวิปัสสนากรรมฐานในถ้ำพระไทรงาม เมื่อ 3 วันก่อน และถูกน้ำปิดทางเข้า-ออกของถ้ำนั้น
วันนี้เข้าสู่วันที่ 2 ของปฏิบัติการ โดยช่วงเช้าทีมงานประชุมวางแผนร่วมกันและส่งทีมนักประดาน้ำจากมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภา) ยามยาก สภากาชาดไทย ชุดเดียวกับที่เคยไปปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย เดินทางเข้าไปช่วยเหลือแล้ว เดินเท้าจากปากถ้ำไปจนถึงจุดที่เป็นแอ่งกระทะ ระยะทางประมาณ 400 เมตร ความสูงของน้ำที่ท่วมเกือบ 4 เมตร ใช้เวลาการดำน้ำไม่นานก็ไปโผล่บริเวณห้องโถงใหญ่จนได้พบกับพระมนัส แต่ไม่สามารถนำตัวออกมาได้ เพราะมีอาการอ่อนเพลียและไข้ขึ้นสูง ต้องนำอาหารให้ทาน เพื่อพักฟื้นร่างกายและเตรียมวางแผนในการพาตัวออกมา
ขณะที่บรรยากาศพื้นที่บริเวณโดยรอบถ้ำพระไทรงาม ไม่มีฝนตกลงมาแล้วแต่ท้องฟ้ายังมืดครึ้มประกอบกับมีหมอกลง ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้ประสานไปยังกรมอุตุนิยมวิทยาแล้ว คาดว่าวันนี้ฝนน่าจะไม่มีตกลงมาเพิ่มและน้ำในถ้ำได้ลดลงเรื่อยๆ เป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้การปฏิบัติการช่วยเหลือพระมนัสออกจากถ้ำเป็นไปอย่างราบรื่น
เฟซบุ๊ก “อนุกูล สอนเอก” นักภูมิศาสตร์และนักสำรวจถ้ำ ระบุไว้อย่างนี้ว่า กรณีพระธุดงค์ที่ติดถ้ำไม่ต้องตระหนก เพราะหากฝนทิ้งช่วง 2-3 วัน ก็สามารถออกมาได้เอง ที่น่าห่วงคือ ถ้ำนี้มีห้วยหลายสายไหลเข้าถ้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำขึ้นเร็วจึงเป็นห่วงทีมงานที่จะเข้าไปมากกว่า แนะนำให้ตั้งสถานีวัดระดับน้ำในถ้ำและสถานีวัดปริมาณฝนในพื้นที่ ตรวจวัดและบันทึกระดับน้ำทุก 1 ชั่วโมง เพื่อดูความสัมพันธ์ว่าหลังจากฝนตกด้านนอกแล้ว ระดับน้ำในถ้ำจะใช้เวลาการขึ้นนานขนาดไหน และจุดสำคัญคือ ช่องทางเข้าห้องโถง มีเพดานถ้ำต่ำ มักมีน้ำท่วมขัง ซึ่งหากฝนหยุดตกแต่ระดับน้ำไม่ลดอาจต้องสูบน้ำบางส่วนออก