‘โรม’ จี้ สตช. เยียวยา ตำรวจเสียชีวิต จ่อหารือกมธ.พัฒนาการเมือง
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการสลายการชุมนุมกลุ่มรีเด็ม (REDEM) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ของเจ้าหน้าที่ซึ่งพบการใช้กระสุนยาง แก๊สน้ำตา และการฉีดน้ำความดันสูง ว่า กรณีที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามหลักสากลอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกรณีการใช้กระสุนยาง ที่พบว่าเจ้าหน้าที่ใช้วิธีการยิงแบบสุ่ม แทนการยิงไปยังบุคคลที่ใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ภาพของการสลายยการชุมนุมที่เกิดขึ้นในระยะหลัง พบแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งตนเป็นห่วงว่าการกระทำดังกล่าว จะทำลายสิทธิการชุมนุมของประชาชน ไม่ว่าเป็นการชุมนุมรูปแบบใด รวมถึงจะเพิ่มความขัดแย้งมากขึ้น เนื่องจากพบการใช้ความรุนแรงกับประชาชนจากฝั่งเจ้าหน้าที่
เมื่อถามว่ากรณีที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ควรแสดงความรับผิดชอบอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ทุกฝ่ายต้องร่วมรับผิดชอบต่อกัน ทั้งรัฐบาล เจ้าหน้าที่ และฝ่ายผู้ชุมนุม ส่วนของเจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบในการควบคุมการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง และการใช้อำนาจในทางมิชอบ ทั้งกรณีการทำร้ายประชาชน หรือเข้าจับกุมตัวประชาชนที่อยู่ระหว่างรักษาอาการบาดเจ็บในเต็นท์พยาบาล ฝั่งผู้ชุมนุม หากพบหลักฐานที่ใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ก่อน มีอาวุธ ต้องดำเนินคดี ส่วนรัฐบาลฐานะผู้คุมนโยบาย ให้ใช้กระสุนยางกับประชาชน ต้องให้ยุติการดำเนินการที่รุนแรง เพราะไม่ใช่ทางออกของปัญหา และอาจทำให้สถานการณ์บานปลาย
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต้องรับผิดชอบต่อกรณีที่มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว รวมถึงการช่วยเยียวยา
เมื่อถามถึงกรณีดังกล่าวกมธ.การกฎหมายฯ จะตรวจสอบหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวอย่างหนักใจว่า บทบาทของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานกมธ.ฯ เป็นอุปสรรคต่อการตรวจสอบ แม้ก่อนหน้าที่จะพยายามตรวจสอบหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ดังนั้นตนจะนำประเด็นดังกล่าวหารือกับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรค ก.ก. ในฐานะประธานกมธ. การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อดำเนินการต่อไป